วันพุธที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2551

มรดกของราชวงศ์จีน

ประเทศจีนสมัยใหม่ได้หยั่งรากลึกมาจากสิ่งที่บรรพบุรุษมอบให้ยาวนานกว่า ๕,๐๐๐ ปี มรดกนี้เป็นความมั่งคั่งที่หลากหลายด้วยประเพณีและวัฒนธรรมที่เป็นต้นกำเนิดของความยวนใจที่สำคัญของจีน

ไม่กี่ศตวรรษที่ผ่านมาโลกตะวันตกต้องอยู่ในภวังค์แห่งความหลงใหลและ งงงวยต่อประเทศจีน จนกระทั่งได้อ่าน"การเดินทางของมาร์โคโปโล" เป็นครั้งแรก คนยุโรปส่วนใหญ่จึงได้สลัดความคิดที่ว่าเป็น "จินตนาการบริสุทธิ์" ออกไป พวกเขาแทบไม่เชื่อว่ามีแผ่นดินนอกรีตโพ้นทะเลที่ใหญ่โตและร่ำรวยกว่า ทั้งยังมากกว่าไปด้วยประชากรที่ล้ำด้วยประสบการณ์ ซึ่งโดยรวมแล้วถือว่าเป็นอารยะกว่าพวกเขาเสียอีก

หลังจากที่พวกเขาค้นพบว่าประเทศจีนมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานที่เต็มไปด้วยเหตุการณ์ที่จัดได้ว่าเป็นปรากฎการณ์รวมทางประวัติศาสตร์ของอียิปต์โบราณ กรีกโบราณ และอาณาจักรโรมัน ผสมด้วยยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาของยุโรป ความแตกต่างที่เด่นชัดคือมรดกของประเทศจีนเป็นความภูมิใจและการพิสูจน์ที่เห็นจริงได้ของใครสักคนที่เชื่อว่าจักรพรรดิของเขาเป็นโอรสของสวรรค์ และแผ่นดินของเขาเป็นศูนย์กลางของโลก

นิยายเกี่ยวกับความกล้าหาญหรือการผจญภัยเริ่มเมื่อ ๕,๐๐๐ ปี ก่อนคริสตศักราชเมื่อชาวจีนที่รู้จักการขัดเกลาเครื่องมือหินที่ทำขึ้นได้ปักหลักตั้งถิ่นฐานในลุ่มแม่น้ำเหลือง และแม่น้ำเว่ยที่อุดมสมบูรณ์ที่ผู้คนอาศัยอยู่อย่างมีระเบียบที่ดี เป็นสังคมเกษตรที่มีการป้องกันที่ดี อย่างเช่นที่ Banpoที่ซึ่งพวกเขาสักการะเทพเจ้าแห่งลัทธิที่ถือว่าชีวิตเกิดขึ้นเพราะวิญญาณ และมีการผลิตเครื่องปั้นดินเผา

ระหว่าง ๔ พันปีถัดมา ศิลปะการสงครามได้ถูกพัฒนาขึ้นเช่นเดียวกับความเชี่ยวชาญการผลิตไหมในยามปกติรวมทั้งความสามารถในการควบคุมระบบชลประทานที่ป้องกันน้ำท่วมได้ และได้กำเนิดราชวงศ์แรกที่ตรวจสอบได้คือ ราชวงศ์ Shang ระหว่างปี ๑๗๖๖ - ๑๐๖๖ ก่อนคริสตกาล พร้อมกับการรู้จักวิธีเขียนหนังสือ และการสร้างเมืองเป็นเมืองแรกด้วย

ราชวงศ์ Zhou ระหว่าง ๑๐๖๐ - ๒๒๑ ก่อนคริสตศักราช เป็นจุดเบ่งบานของวรรณคดี ศิลปะ และปรัชญา กับการกำเนิดของลัทธิขงจื้อ และลัทธิเต๋า กับผู้นำผู้ยิ่งใหญ่ได้ถือกำเนิดพร้อมกับวิสัยทัศน์และความอำมหิตในการรวมประเทศ พระองค์เรียกตัวเองว่า ฉิน ษื่อ หวง ตี้ (จิ๋น ซี ฮ่อง เต้) หรือปฐมจักรพรรดิของราชวงศ์ฉิน ซึ่งเป็นราชวงศ์ที่เป็นที่มาของชื่อประเทศจีน (จาก ฉิน หรือ จิ๋น)

ราชวงศ์ฉิน (Qin) ระหว่าง ๒๒๑ - ๒๐๖ ก่อนคริสตศักราช เป็นช่วงเวลาที่สั้น แต่เป็นจุดหมายเริ่มต้นของประวัติศาสตร์ประเทศจีน จักรพรรดิฉินได้นำโครงสร้างแห่งการป้องกันจำนวนมากมาเชื่อมต่อเนื่องกันเป็นปฐมของการเกิดกำแพงเมืองจีน หรือกำแพงใหญ่ แล้วสร้างพระราชวังแห่งหนึ่งที่ได้กลายเป็นเมืองชื่อ ฉาง - อาน ซึ่งคือเมือง ซี - อาน ในปัจจุบัน และสิ่งที่ทำเหมือนกับฟาโรห์คือพระองค์ได้ทรงสร้างสุสานรวมที่บรรจุหุ่นทหารและม้าที่มีขนาดเท่าของจริง และดูเหมือนมีชีวิตจริงไว้ด้วย

ในสมัยราชวงศ์ฮั่น (Han) ระหว่าง ปี ๒๐๖ ก่อน ค.ศ. ถึง ปี ค.ศ.๒๒๐ เมือง ฉาง - อาน กลายเป็นเมืองหลวงที่ยิ่งใหญ่พร้อมกับการเกิดเส้นทางสายไหม ซึ่งเป็นเส้นทางการค้าจากยุโรป อินเดีย ตะวันออกกลาง มายังประเทศจีนยุคนี้พระพุทธศาสนาได้ถูกนำเข้ามาจากประเทศอินเดียด้วย ส่วนการบริหารราชการแผ่นดินมีพื้นฐานตามลัทธิขงจื้อ และการผลิตกระดาษก็ได้เกิดขึ้นในยุคนี้

ระยะความร่ำรวยอันสงบได้สิ้นสุดลงเมื่อขุนพลของราชวงศ์ฮั่นได้แย่งชิงอำนาจกัน จักรวรรดิ์ถูกแบ่งแยก หลังจากราชวงศ์ฮั่น เป็นยุคแห่งการสงครามนาน ๓๕๐ ปี จนกระทั่งขุนพลหยาง ได้สถาปนาราชวงศ์สุย (Sui) ในปี ค.ศ.๕๘๑ เป็นราชวงศ์ที่มีอายุถึงปี ค.ศ.๖๑๘ ราชวงศ์ถาง (Tang) ระหว่างปี ค.ศ.๖๑๘ - ๙๐๗ เป็นยุคทองของประเทศจีน มีจักรพรรดิที่ทรงวัฒนธรรมสืบบัลลังก์ปกครองประชาชนกว่า ๖๐ ล้านคน เมืองฉางอาน กลายเป็นศูนย์กลางของโลกไร้พรมแดนทั้งภาษา และเชื้อชาติ ที่เต็มไปด้วยพ่อค้าจาก ทั่วโลก เต็มไปด้วยความดีที่สุดของศิลปิน , นักดนตรี , สถาปนิก , นักเคมี , นักวิทยาศาสตร์ ผู้ผลิตดินปืน และการพิมพ์ นักวิชาการและพระในพุทธศาสนาชาวญี่ปุ่นที่รับวัฒนธรรมของราชวงศ์ถางกลับไปประเทศของตน

ราชวงศ์ถางสิ้นสุดลงหลังการปกครองโดยขุนพลนักรบนานประมาณครึ่งศตวรรษ การรวมประเทศเกิดขึ้นอีกครั้งโดยราชวงศ์ซ่ง(Song) ระหว่าง ค.ศ.๙๖๐ - ๑๒๗๙ งานศิลปะดำรงมาตรฐานที่ราชวงศ์หลัง ๆ แข่งขันด้วยไม่ได้ ลัทธิขงจื้อถูกฟื้นฟูอีกครั้ง และการเริ่มต้นใช้เข็มทิศเกิดขึ้นในยุคนี้ อย่างไรก็ตาม ในปี ค.ศ.๑๒๗๙ ความอ่อนแอของราชวงศ์ซึ่งทำให้ประเทศจีนตกอยู่ในอำนาจของกองทัพมองโกล ที่นำโดย กุบไลข่าน ที่ได้สถาปนาราชวงศ์หยวน (Yuan) ขึ้น ณ เมืองหลวงใหม่ ชื่อ ตาตู (Dadu) ณ พื้นที่ที่เป็นปักกิ่งในปัจจุบัน มีอำนาจอยู่ระหว่าง ปี ค.ศ.๑๒๗๙ - ๑๓๖๘ จนกลุ่มกบฏฮั่น สามารถขับไล่ ราชวงศ์หยวนที่มีผู้นำไร้ฝีมือออกไปได้

ราชวงศ์หมิง (Ming) ระหว่าง ค.ศ.๑๓๖๘ - ๑๖๔๔ เป็นจุดฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรมและยุคของการขยายอาณาจักรที่รุ่งเรืองของประเทศจีน กองเรือสินค้าของจีน มุ่งสู่อาระเบีย และ อัฟริกาขณะที่พ่อค้าชาวปอร์ตุเกสได้รับอนุญาตให้ตั้งถิ่นฐาน ณ สถานที่ที่กลายเป็นมาเก๊าในเวลาต่อมา

ในรัชสมัยหมิง พระในนิกายเยซูอิตของโรมันคาทอลิกได้รับเกียรติให้ทำงานในราชสำนัก ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านดาราศาสตร์ การทำแผนที่ และการหล่อปืนใหญ่ แต่อีกอย่างหนึ่งก็คือการเผยแพร่คำสอนในศาสนาคริสต์ แต่จักรพรรดิได้ตกไปอยู่ใต้อิทธิพลฉ้อโกงของขันทีในราชสำนัก นำไปสู่ความไม่พอใจของขุนนางฝ่ายบริหารผู้นำกบฎยึดได้เมือง Shaanxi และ Sichuan โดยการหนุนหลังของพวกแมนจูที่ยึดครองแผ่นดินลงมาจากด้านเหนือ จักรพรรดิหมิงองค์สุดท้ายได้ฆ่าตัวตายโดยการแขวนคอตัวเองนอกพระราชวังอิมพิเรียลในกรุงปักกิ่ง ในขณะที่กองทัพของพระองค์หนีลงใต้และแตกพ่ายที่สุดในปี ๑๖๔๔

ราชวงศ์แมนจู หรือราชวงศ์ชิง ระหว่าง ค.ศ. ๑๖๔๔ - ๑๙๑๑ ได้เริ่มมีบทบาทภายใต้การปกครองของจักรพรรดิ Kangxi,Yongzheng และ Qianlong ผู้ซึ่งปกครอง แผ่นดินด้วยความเข้มงวดพร้อมกับการขยายอาณาเขต ในครึ่งสมัยแรกของราชวงศ์ชิง ดินแดนที่ไปถึงได้ทางตะวันตกได้แก่Yunnan, Tibet และ Xinjiang ถูกครอบครองทั้งโดยกำลังและการทำสนธิสัญญา

อังกฤษและมหาอำนาจตะวันตกยังคงทำการค้ากับจีนและมีสินค้าเพียงอย่างเดียวที่สามารถรักษาสมดุลการค้าเมื่อเทียบกับชาได้คือฝิ่น สิ่งนี้ทำให้คนจีนติดฝิ่นจนอ่อนแอพร้อมกับการเกิดการฉ้อราษฎร์บังหลวงอย่างกว้างขวาง ด้วยความตระหนกรัฐบาลได้ส่งข้าหลวงใหญ่ไปกวางโจว เพื่อทำลายคลังฝิ่นที่มีจำนวนมากพอที่จะบริโภคได้ ๑ ปี จนใน ๑๘๓๙อังกฤษส่งเรือรบเข้ามาบีบบังคับให้จีนจ่ายค่าเสียหาย เกิดสงครามฝิ่นที่ทำลายประเทศจีนเสียหายอย่างมาก ถึงขั้นยอมให้อังกฤษได้ดินแดนฮ่องกงไปครอบครองและยอมให้เปิดท่าเรือต่อเนื่องหลายท่ารวมถึง เซี่ยงไฮ้ ให้แก่ต่างชาติ อิทธิพลและการแทรกแซงจากชาวตะวันตกแพร่กระจายทั่วแผ่นดินจีน เป็นการบ่อนทำลายและหยามหน้ารัฐบาลจีนอย่างยิ่ง

ราชวงศ์ชิงที่ร่อแร่ (จวนจะสูญสิ้น) ถูกโค่นล้มในปี ๑๙๑๑ ภายใต้การปฏิวัติ ที่นำโดย ดร.Sun Yat - sen แต่ประเทศกลับถลำจมทันทีลงไปสู่การต่อสู้ระหว่างประชาชน ที่ทำให้ประเทศอ่อนแอต่อการถูกรุกรานโดยกองทัพญี่ปุ่นในปี ๑๙๓๗ จนเมื่อสงครามสงบในปี ๑๙๔๕ ประเทศจีนต้องการรัฐบาลที่เข้มแข็งทั้งทางเศรษฐกิจ ทางการเมือง และจิตใจ เป็นจุดนำมาซึ่งพรรคคอมมิวนิสต์จีน ที่นำโดย Mao Zedong ผู้ซึ่งประกาศให้ประเทศจีนเป็น สาธารณรัฐประชาชนจีน ณ ซุ้มเหนือประตู เทียนอันเหมิน ของกรุงปักกิ่ง

นับจากนั้นประเทศชาติต้องอดทนต่อความยากลำบากหลายปี ระหว่างการก้าวกระโดดไปข้างหน้าที่ยิ่งใหญ่กับการปฏิวัติวัฒนธรรม ขณะที่มีการปฏิรูปที่ดินและ อุตสาหกรรม

ในปี ๑๙๗๘ เติ้ง เสี่ยว ผิง (Deng Xiaoping) ขึ้นครองอำนาจพร้อมกับนโยบายก้าวหน้าสำหรับมวลเศรษฐกิจและเปิดประเทศสู่ประชาคมโลก

จีนยังคงทำให้ตะวันตกงงงวยต่อประวัติศาสตร์ที่ยาวนานและประหลาดของประเทศจีน ในขณะที่แผ่นดินนี้ที่มีประชากรกว่า ๑ พัน ๓๐๐ล้านคน กำลังแสวงหาหุ้นส่วนที่ ทันสมัยเพื่อความเจริญของประเทศต่อไป

แหล่งอ้างอิง
เรื่องเล่าเกี่ยวกับประเทศจีน.พลเอก ชูเกียรติ มุ่งมิตร.
http://www.rta.mi.th/chukiat/story/chinamall.html
เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. 51

ลำดับราชวงศ์ที่ปกครองแผ่นดินใหญ่จีน

ราชวงศ์ ระหว่างปี (ค.ศ.)

The Xia Dynasty ( เซี่ย ) ( 2140 - 1711 B.C. )
The Shang Dynasty ( ซาง ) ( 1711 - 1066 B.C. )
The Zhou Dynasty ( โจว )
The Western Zhou ( 1066 - 771 B.C. )
The Eastern Zhou ( 770 - 256 B.C. )
The Qin Dynasty ( ฉิน ) ( 221 - 206 B.C. )
The Han Dynasty ( ฮั่น )
The Western Han ( 206 B.C. - 25 A.D. )
The Eastern Han ( 25 - 220 )
The Three Kingdom of Wei , Shu, Wu ( 220 - 280 )
The Jin Dynasty( จิ้น )
The Western Jin ( 265 - 317 )
The Eastern Jin ( 317 - 420 )
The Northern and Southern Dynasty ( 420 - 589 )
The Sui Dynasty ( สุย ) ( 581 - 618 )
The Tang Dynasty ( ถาง ) ( 681 - 807 )
The Five Dynasties ( 807 - 906 )
The Song Dynasty ( ซ่ง )
The Northern Song ( 906 - 1127 )
The Southern Song ( 1127 - 1279 )
The Liao Dynasty ( เลี๋ยว ) ( 907 - 1125 )
The Jin Dynasty ( จิน ) ( 1115 - 1234 )
The Yuan Dynasty ( หยวน ) ( 1206 - 1368 )
The Ming Dynasty ( หมิง ) ( 1368 - 1644 )
The Qing Dynasty ( ชิง ) ( 1616 - 1911 )
The Republic of China ( 1912 - 1949 )
The People's Republic of China ( founded on October )

แหล่งอ้างอิง
ชูเกียรติ มุ่งมิตร,พลเอก.ลำดับราชวงศ์ที่ปกครองแผ่นดินใหญ่จีน.
http://www.rta.mi.th/chukiat/story/Chronological.htm
สืบค้นเมื่อวันที่ 3 ธ.ค. 51

รายชื่อ มณฑล

มณฑล

Heilongjian เฮยหลงเจียง
Jilin จี๋หลิน
Liaoning เลี๋ยวหนิง
Hebei เหอเป่ย
Henan เหอหนาน
Shanxi ซานซี
Shandong ซานตง
Shanxi ส่านซี

Gansu กานซู่
Qinghai ชิงไห่
Sichuan ซื่อชวน ( เสฉวน )
Yunnan ยวิ๋นหนาน ( ยูนนาน )
Guizhou กุ้ยโจว
Hubei หูเป่ย
Hunan หูหนาน
Anhui อันฮุย
Jiangsu จียงซู
Zhejiang เจ้อเจียง
Jiangxi เจียงซี
Fujian ฟูเจี้ยน
Guangdong กว่างตง ( กวางตุ้ง )
Taiwan ไถวาน ( ไต้หวัน )
Hainan ไห่หนาน ( ไหหลำ )



เมืองหลวง
Haerbin ฮาร์ปิน
Changchun ฉางชุน
Shenyang เสิ่นหยาง
Shijiazhuang สือเจียจวง
Zhengzhou เจิ้งโจว
Taiyuan ไท่เยวี๋ยน
Jinan จี่หนาน
Xian ซีอาน
Lanzhou ล๋านโจว
Xining ซีหนิง
Chengdu เฉิงตู
Kunming คุนหมิง
Guiyang กุ้ยหยาง
Wuhan อู่ฮั่น
Changsha ฉางซา
Hefei เหอเฝย
Nanjing หนานจิง
Hangzhou หางโจว
Nanchang หนานชาง
Fuzhou ฟูโจว
Guangzhou กว่างโจว ( กวางเจา )
Taibei ไถเป่ย ( ไทเป )
Haikou ไหโข่ว





เขตการปกครองตนเองของชนกลุ่มน้อย

เขต
Nei Menggu
เน่ยเมิ๋งกู่
Ningxia
หนิงเซี่ย
Xinjiang
ซินเจียง
XiZhang
ซีจ้าง
Guangxi
กวางสี

ชนเผ่า
มองโกล
หุย (อิสลาม)
อุยเก่อร์
ธิเบต
จ้วง

เมืองหลวง
Huhehaote
ฮูเฮอเฮ่าเต้อ
Yinchuan
หยินชวน
Wulumuqi
อูหลู่มู่ฉี
Lasa
ลาซ่า
Nanning
หนานหนิง



มหานคร
Beijing เป่ยจิง ( ปักกิ่ง )
Tianjin เทียนจิน ( เทียนสิน )
Shanghai ซ่างไห่ ( เซี่ยงไฮ้ )
Chongqing ฉงชิ่ง ( จุงกิง )




แหล่งอ้างอิง
เรื่องเล่าเกี่ยวกับประเทศจีน.พลเอก ชูเกียรติ มุ่งมิตร.
http://www.rta.mi.th/chukiat/story/namemontol.htm
เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. 51

เขตการปกครองของจีน

มณฑลกวางตุ้ง
มณฑลกานซู
มณฑลจี๋หลิน
มณฑลชานซี
มณฑลฝูเจี้ยน
เมืองเอกของมณฑลในจีน
มณฑลกุ้ยโจว
มณฑลฉ่านซี
มณฑลชานตง
มณฑลเจียงซู
มณฑลเจ้อเจียง
มณฑลเหอหนาน
มณฑลไหหลำ
มณฑลยูนนาน
มณฑลเสฉวน
มณฑลเหอเป่ย์
มณฑลหูหนาน
มณฑลหูเป่ย์
มณฑลเหลียวหนิง
มณฑลอานฮุย
มณฑลเฮย์หลงเจียง

วิกิพีเดีย.เข้าถึงเมื่อ 21-ม.ค.-2552
แหล่งอ้างอิง
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%95%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%81%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%99